ประกันสังคม (ม.33 และ 39) สิทธิขั้นพื้นฐานของคนทำงาน

     เมื่อพูดถึง ประกันสังคม หลายคนมักนึกถึงการถูกหักเงินจากเงินเดือนทุกเดือนโดยอัตโนมัติ แต่บางครั้งก็อาจยังไม่เข้าใจว่า เงินที่ถูกหักไปนั้นคืออะไร มีประโยชน์กับเราแค่ไหน และทำไมทุกคนที่ทำงานจึงควรส่งประกันสังคมให้ต่อเนื่อง

     ประกันสังคม คือหนึ่งในหลักประกันพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของมนุษย์เงินเดือน เพราะเป็นระบบที่รัฐจัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลผู้ประกันตนให้มีความมั่นคงในชีวิตและการทำงาน ไม่ว่าจะเจ็บป่วย คลอดบุตร ว่างงาน ทุพพลภาพ หรือแม้แต่ชราภาพ ประกันสังคมก็เข้ามาช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับเรา


ประกันสังคมคืออะไร

     ประกันสังคม คือระบบการประกันภัยทางสังคมที่รัฐจัดตั้งขึ้น โดยให้ผู้ประกันตน (พนักงาน) นายจ้าง และรัฐบาล ร่วมกันสมทบเงินเข้ากองทุน เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ประกันตน

ทำไมต้องส่ง

     เพราะถือเป็น สิทธิขั้นพื้นฐาน ของแรงงาน จึงมีระบบบังคับตามกฎหมายสำหรับผู้ที่ทำงานในระบบ (ลูกจ้างบริษัท หรือพนักงานราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการ) และนับเป็นการออมภาคบังคับที่สร้างความมั่นคงให้ชีวิตในอนาคต

เมื่อส่งแล้วได้อะไร

- ได้รับการคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น เจ็บป่วย ตกงาน หรือเสียชีวิต
- ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของตนเองและครอบครัว
- ได้รับเงินบำนาญชราภาพหากส่งครบตามเงื่อนไข

การส่งเงินสมทบของมาตรา 33

     สำหรับลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 จะถูกหักเงินสมทบจากเงินเดือนทุกเดือนโดยอัตโนมัติ อัตราการสมทบปัจจุบันอยู่ที่

• ลูกจ้างส่ง 5% ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 750 บาท/เดือน
• นายจ้างส่ง 5% ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 750 บาท/เดือน
• รัฐบาลสมทบเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง
  

     กล่าวคือ หากเรามีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน จะถูกหักเงินสมทบ 750 บาท และนายจ้างก็ต้องสมทบอีก 750 บาท รวมถึงรัฐบาลช่วยสมทบด้วย

     เงินจำนวนนี้จะเข้าสู่กองทุนประกันสังคม เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับความคุ้มครองทั้ง 7 ด้าน ไม่ว่าจะเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ว่างงาน คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ หรือเสียชีวิต 

     ดังนั้นเงินสมทบที่เราจ่ายไป ไม่ได้หายไปเปล่า แต่เปลี่ยนเป็นสิทธิประโยชน์ที่พร้อมช่วยเหลือในวันที่เราต้องการจริง ๆ


ความคุ้มครอง 7 อย่างที่ผู้ประกันตนได้รับ

• เจ็บป่วย/อุบัติเหตุ - ได้รับค่ารักษาพยาบาลทั้งในและนอกโรงพยาบาลตามสถานพยาบาลที่กำหนด
  
• ว่างงาน - ได้รับเงินชดเชย 30-50% ตามกรณีลาออกหรือถูกเลิกจ้าง
  
• คลอดบุตร - ได้ค่าคลอดบุตร และเงินสงเคราะห์รายได้ระหว่างลาคลอด
  
• สงเคราะห์บุตร - ได้ค่าใช้จ่ายบุตรต่อเดือนตามจำนวนบุตรและเงื่อนไข
  
• ทุพพลภาพ - มีเงินทดแทนรายได้ตามระดับความรุนแรงตลอดชีวิตหรือเป็นระยะ
  
• ชราภาพ - เมื่ออายุครบ 55 ปี และจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญหรือบำเหน็จตามเงื่อนไข
  
• เสียชีวิต - หากเสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์อาจได้รับเงินค่าทำศพและเงินสงเคราะห์ตามจำนวนเดือนที่ส่งเงิน
  
  

มาตรา 33 และ มาตรา 39 ต่างกันอย่างไร

มาตรา 33 : สำหรับลูกจ้างที่ทำงานในบริษัท เรียกง่าย ๆ ว่าคือ มนุษย์เงินเดือน นายจ้างหักเงินส่งประกันสังคมทุกเดือน

มาตรา 39 : สำหรับคนที่เคยอยู่ในมาตรา 33 แต่ลาออกจากงานแล้ว หากยังอยากรักษาสิทธิประกันสังคมต่อ สามารถสมัครมาตรา 39 โดยส่งเงินสมทบเองทุกเดือน

เงื่อนไขมาตรา 39
- ผู้ประกันตนต้องเคยเป็นมาตรา 33 และส่งเงินมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน
- ส่งเงินสมทบเอง เดือนละ 432 บาท
- ได้รับสิทธิประโยชน์เกือบครบ ยกเว้นเรื่องการว่างงาน

ถ้าไม่ส่งมาตรา 39 ต่อ จะเกิดอะไรขึ้น

     ถ้าลาออกจากงานแล้วไม่สมัครส่งมาตรา 39 ต่อ สิทธิความคุ้มครองต่าง ๆ จากประกันสังคมจะหมดไปในเวลาไม่นาน ทำให้

• หมดสิทธิรักษาพยาบาลในระบบประกันสังคม (ปัจจุบันประเทศยังยังมีสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้ารองรับ แต่สิทธิประโยชน์ในการรักษาแตกต่างกัน)
• หมดสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น เงินสงเคราะห์บุตร หรือเงินทุพพลภาพ
• เงินสมทบที่ส่งมาตลอดอาจกลายเป็นเพียงสิทธิเงินบำเหน็จเมื่อถึงวัยเกษียณ (แทนที่จะได้บำนาญรายเดือน)
  

     ดังนั้น หากยังไม่มีงานใหม่ หรือทำอาชีพอิสระ การสมัครต่อในมาตรา 39 ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยรักษาความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัวได้



     ประกันสังคมไม่ใช่ภาระ แต่คือหลักประกันขั้นพื้นฐานที่ทุกคนทำงานควรมี เพราะเป็นระบบที่ทำให้คนทำงานทุกคนได้รับความคุ้มครองจากความเสี่ยงในชีวิต โดยไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพียงลำพัง

- มาตรา 33 คือสำหรับมนุษย์เงินเดือน มีทั้งลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐสมทบ
- มาตรา 39 คือสำหรับผู้ที่ลาออก แต่อยากรักษาสิทธิเดิมไว้ โดยจ่ายเอง

     การส่งต่อเนื่องมีความสำคัญ เพราะจะมีผลต่อสิทธิเงินบำนาญชราภาพในอนาคต

     การเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของเราในฐานะผู้ประกันตน จะช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากประกันสังคมได้เต็มที่ และวางแผนชีวิตการทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

สโรชา เชิดชูธรรม (จิน)

ผู้แนะนำการลงทุน IC License เลขที่ 137173

ตัวแทนประกันชีวิต เมืองไทยประกันชีวิต เลขที่ใบอนุญาต 6801006286

Tel/Line ID : 062-9025532 หรือแอดไลน์ คลิกที่นี่



Facebook คลิก :  Wealth Nest Planner

Instagram คลิก :  @wealthnest.pn