ประกันสุขภาพ New Health Standard คืออะไร
ประกันสุขภาพแบบใหม่ New Health Standard คืออะไร?
มั่นใจมากขึ้น ปลอดภัยกว่าเดิม ด้วยมาตรฐานที่โปร่งใส จากคปภ.
ในอดีต หลายคนอาจมีประสบการณ์ไม่ดีจากการทำประกันสุขภาพ เช่น เคลมไม่ได้ในเวลาที่ต้องการ หรือถูกบอกว่าสัญญาสิ้นสุดโดยไม่เข้าใจเหตุผล ทั้งที่ยังจ่ายเบี้ยอยู่ทุกเดือน
ปัญหาเหล่านี้กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภค กลัวประกัน และไม่กล้าตัดสินใจทำประกันสุขภาพให้ตนเองหรือครอบครัว ทั้งที่ความเสี่ยงที่แท้จริงคือ การเจ็บป่วยโดยไม่มีเงินรักษา ต่างหาก
ข่าวดีคือ ปัจจุบันระบบประกันสุขภาพของไทยได้ยกระดับขึ้นแล้วค่ะ
มีการออกแบบมาตรฐานใหม่จากสำนักงาน คปภ. ที่ชื่อว่า
New Health Standard มาตรฐานใหม่ของประกันสุขภาพ
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นมา
จุดประสงค์ของมาตรฐานใหม่นี้คืออะไร?
- ทำให้ทุกบริษัทประกันใช้รูปแบบตารางความคุ้มครองแบบเดียวกัน
- เพิ่มความโปร่งใส เข้าใจง่าย ลดความคลุมเครือ
- ให้ผู้บริโภคสามารถ เปรียบเทียบแผนประกันได้ง่ายขึ้น
สาระสำคัญของ New Health Standard
ประกันสุขภาพแบบใหม่ จะต้องมี 13 หมวดความคุ้มครองหลัก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่
1. ความคุ้มครองสำหรับ ผู้ป่วยใน (IPD) 5 หมวด
- ค่าห้องและค่าอาหาร
- ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
- ค่าผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์) ตรวจรักษา
- ค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัด (ศัลยกรรม) และหัตถการ
- การผ่าตัดใหญ่ที่ไม่ต้องพักรักษาตัว (Day Surgery)
2. ความคุ้มครองสำหรับ ผู้ป่วยนอก (OPD) 8 หมวด
- การตรวจวินิจฉัยก่อน/หลังการนอนโรงพยาบาล
- ค่ารักษาฉุกเฉินจากอุบัติเหตุภายใน 24 ชม.
- การทำกายภาพบำบัดหลังนอน รพ.
- ค่าฟอกไต (โรคไตวายเรื้อรัง)
- ค่ารังสีรักษามะเร็ง
- ค่าเคมีบำบัดมะเร็ง
- ค่ารถพยาบาลฉุกเฉิน
- ค่าผ่าตัดเล็ก
หมายเหตุ: บริษัทสามารถให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจาก 13 หมวดนี้ได้ เช่น Elite Health Plus, สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) เป็นต้น
หากอยากสอบถามเรื่องตารางความคุ้มครอง
ทักมาหาจินได้นะคะ
มาลองดู ตัวอย่างตารางความคุ้มครอง 13 หมวด ของจริง
จากแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย ยอดนิยม อย่าง D Health Plus กันค่ะ
D Health Plus
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่เข้าใจง่ายและยืดหยุ่น
รองรับ New Health Standard และปรับตามงบประมาณได้
จุดเด่นของ D Health Plus
- เลือกวงเงินความคุ้มครองได้ เช่น 1 ล้านบาท, 5 ล้านบาท ต่อการรักษา 1 ครั้ง
- ไม่มีเพดานต่อปี ใช้ได้หลายครั้งตามเงื่อนไข
- เลือกความรับผิดส่วนแรก (Deductible) ได้ เพื่อลดค่าเบี้ย
- คุ้มครองค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานทุกโรงพยาบาลเอกชน
- ขยายความคุ้มครองมะเร็งและไตผ่านสัญญา Care Plus ได้
อ่าน ตารางความคุ้มครอง อย่างไรให้เข้าใจ?
ก่อนไปอ่านตารางความคุ้มครอง ให้คุณพิจารณาแผนประกันดังนี้ก่อน
1. ตรวจสอบวงเงินสูงสุด
D Health Plus ระบุวงเงินความคุ้มครอง ต่อการรักษาแต่ละครั้ง เช่น 5 ล้านบาท
หมายความว่า หากคุณนอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคใดโรคหนึ่ง บริษัทจะจ่ายให้สูงสุด 5 ล้านบาทในการรักษาครั้งนั้น
2. ดูว่ามี Deductible หรือไม่
Deductible คือจำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายเองก่อนที่ประกันจะเริ่มจ่าย เช่น
0 บาท: บริษัทจ่ายให้ทั้งหมดตั้งแต่บาทแรก
30,000 บาท: คุณต้องจ่ายเอง 30,000 บาทแรกก่อน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีสวัสดิการอื่น ๆ แล้ว เช่น บัตรทอง, ประกันสังคม, สวัสดิการข้าราชการ และต้องการประกันไว้เสริมการรักษาจากสิทธิเดิม
3. วิเคราะห์ 13 หมวดตาม New Health Standard
ด้วยความที่เป็นประกันแบบ "เหมาจ่ายต่อครั้ง" การระบุวงเงินในแต่ละหมวดจะดูแตกต่างไปจากแผนเหมาจ่ายต่อปี แต่การแยกเป็น 13 หมวดตามมาตรฐานใหม่ จะถูกระบุไว้อย่างชัดเจน
หมวด 1-5 (เหมาจ่ายตามจริงในวงเงินที่เลือก)
สำหรับ D Health Plus ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในหมวด 1-5 นี้ จะถูกระบุว่า "เหมาจ่ายตามจริง" หรือ "ตามความจำเป็นทางการแพทย์" โดยรวมกันแล้วไม่เกินวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่งที่คุณเลือก (เช่น 1 ล้านบาท หรือ 5 ล้านบาท)
หมวดที่ 1: ค่าห้องและค่าอาหาร ค่าบริการในโรงพยาบาล
"ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน" หรือ "ค่าห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน"
หมายถึง คุณสามารถเข้ารักษาในห้องพักเดี่ยวมาตรฐานของโรงพยาบาลใดก็ได้ที่รับรอง โดยค่าใช้จ่ายในหมวดนี้จะครอบคลุม ไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง (แต่หากเลือกห้องพิเศษที่เกินราคาห้องเดี่ยวมาตรฐานที่บริษัทกำหนด อาจต้องจ่ายส่วนเกินเอง)
หมวดที่ 2: ค่าบริการทางการแพทย์ ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์
หมวดที่ 3: ค่าผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์) ตรวจรักษา
หมวดที่ 4: ค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัด (ศัลยกรรม) และหัตถการ
หมวดที่ 5: การผ่าตัดใหญ่ที่ไม่ต้องเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (Day Surgery)
สำหรับหมวด 2-5 ระบุว่า "เหมาจ่ายตามจริง" (ในวงเงินรวมของแผน)
หมายถึง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในหมวดเหล่านี้ จะถูกรวมกันและเบิกจ่ายตามจริง จนกว่าจะถึงวงเงินสูงสุดต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่งที่คุณเลือก (เช่น 5 ล้านบาท) หลังจากหัก Deductible (ถ้ามี)
ข. ผลประโยชน์กรณีไม่ต้องเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (OPD และอื่น ๆ)
หมวด 6-13 (มักจ่ายตามจริงหรือเป็นตัวเลือกซื้อเพิ่ม)
หมวดที่ 6: ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องโดยตรง ก่อนและหลังการพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน
หมวดที่ 7: ค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บจากอุบัติเหตุฉุกเฉิน (ภายใน 24 ชม.)
หมวดที่ 8: ค่าเวชศาสตร์ฟื้นฟู
ระบุว่า "เหมาจ่ายตามจริง" (ในวงเงินรวมของแผน)
หมายถึง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในหมวดเหล่านี้ จะถูกรวมกันและเบิกจ่ายตามจริง จนกว่าจะถึงวงเงินสูงสุดต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่งที่คุณเลือก (เช่น 5 ล้านบาท) หลังจากหัก Deductible (ถ้ามี)
หมวดที่ 9: ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อบำบัดรักษาโรคไตวายเรื้อรัง (การฟอกไต)
หมวดที่ 10: ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อบำบัดรักษาโรคมะเร็ง (รังสีรักษา, รังสีร่วมรักษา, เวชศาสตร์นิวเคลียร์รักษา)
หมวดที่ 11: ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อบำบัดรักษาโรคมะเร็ง (เคมีบำบัด)
สำหรับแผน D Health Plus ในหมวด 9-11 จะถูกระบุว่าไม่คุ้มครอง
แต่สามารถซื้อ Care Plus ซึ่งเป็นความคุ้มครองในหมวด 9-11 เข้าไปเพิ่มเติมได้ค่ะ
การที่แผนประกันแยกหมวดนี้ออกจากประกันสุขภาพ
มีจุดเด่นคือในปีที่ประกันสุขภาพติดเงื่อนไข Copayment
ค่าใช้จ่ายในหมวด 9-11 จะไม่ต้องมีส่วนร่วมจ่ายด้วยค่ะ
หมวดที่ 12: ค่าบริการรถพยาบาลฉุกเฉิน
หมวดที่ 13: ค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัดเล็ก
สำหรับหมวด 12-13 ก็จะระบุว่าจ่ายตามจริง เช่นเดียวกับหมวดอื่นๆค่ะ
4. ความคุ้มครองเพิ่มเติมที่ "พลัส" เข้ามา (ถ้ามี)
D Health Plus ยังมีสัญญาเพิ่มเติมที่คุณสามารถ "พลัส" (ซื้อเพิ่ม) เข้ามาเพื่อเพิ่มความคุ้มครองได้ เช่น
- แคร์ พลัส (Care Plus)
คุ้มครองโรคมะเร็งและไตวายแบบผู้ป่วยนอก(หมวด 9-11) เพิ่มเติมจากแผนหลัก ครอบคลุมค่ารักษามะเร็งและไตวายแบบเหมาจ่าย โดยให้วงเงินแยกออกมาสำหรับ 2 โรคนี้โดยเฉพาะ
- ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD)
คุ้มครองการรักษาแบบผู้ป่วยนอก คุณสามารถเบิกค่ารักษาเมื่อไปพบแพทย์แล้วกลับบ้านได้ (เช่น ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าตรวจ)
- สุขภาพดี พลัส (Well-Being Plus)
คุ้มครองค่าตรวจสุขภาพประจำปี, ค่าฉีดวัคซีน, ค่าทันตกรรม, ค่าสายตา
- ความคุ้มครองการคลอดบุตร พลัส (Maternity Plus)
สำหรับผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์
สรุป
1. วงเงินความคุ้มครอง (1 ล้าน, 5 ล้าน) และดูว่าเป็น "ต่อครั้ง" หรือ "ต่อปี"
(สำหรับ D Health Plus หลักจะเป็นต่อครั้ง)
2. มี Deductible หรือไม่ และเท่าไร
ตรงนี้สำคัญมาก เพราะมีผลกับเบี้ยประกันและเงินที่คุณต้องจ่ายเองเมื่อเจ็บป่วยหรือนอนโรงพยาบาล
3. คุ้มครองอะไรบ้าง ตรงตามความต้องการหรือไม่
4. ข้อยกเว้นความคุ้มครอง รายละเอียดที่ระบุว่าประกันจะไม่จ่ายในกรณีใดบ้าง ควรอ่านหรือสอบถามตัวแทนประกันให้เข้าใจ ก่อนตัดสินใจทำประกัน
- เป็นสัญญารายปีต่ออายุ หากแถลงสุขภาพครบถ้วน บริษัทไม่มีสิทธิยกเลิก
- แผนประกันบางแบบอาจมีเงื่อนไข Co-payment คือการแบ่งจ่ายค่ารักษาบางส่วน ควรศึกษาหรือสอบถามก่อนเลือกแผน
- ทุกแผนที่ออกแบบภายใต้ New Health Standard จะมีโครงสร้างตารางคล้ายกันแบบนี้ ทำให้เปรียบเทียบระหว่างบริษัทได้ง่ายขึ้น
หากคุณกำลังวางแผนสุขภาพให้ตนเองหรือครอบครัว แต่ยังไม่แน่ใจว่าแผนไหนเหมาะกับคุณ
สามารถปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
นักวางแผนประกันชีวิต และ ผู้แนะนำการลงทุน
ปรึกษาทางโทรศัพท์ หรือ line: 062-9025532